การใช้ฟองน้ำในการล้างจาน ชาม และภาชนะในครัว อาจไม่ใช่ที่สุดในด้านสุขอนามัยกันอีกต่อไป ในเมื่อ
มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่า
ทีมนักวิจัย (Researchers) จากสถาบันวิจัยอาหารแห่งนอร์เวย์ (A Norwegian Food Research Institute) ได้ออกมาระบุใน วารสารออนไลน์ (on line in the Journal) ที่มีชื่อว่า “จุลชีววิทยาประยุกต์ / Applied Microbiology”ว่า ฟองน้ำที่
ผู้คนที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย เรียกได้ว่าจะทุกครัวเรือนเลยก็ว่าได้นั้น เป็น
แหล่งที่สะสมของเชื้อโรค (Harbor) อย่างเชื้อแบคทีเรียเป็นจำนวนมากเมื่อ
เทียบกับ การใช้แปรงล้างจานชนิดมีด้ามจับ (Kitchen Brushes) ค่ะ

โดยเฉพาะเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า “ซาลโมเนลล่า/ Salmonella” รวมทั้ง
แบคทีเรียชนิดอื่นๆ ที่สามารถเจริญเติบโต และอาศัยอยู่ในฟองน้ำล้างจานได้เป็นอย่างดี ก็เนื่องจากว่า ฟองน้ำล้างจานที่ใช้กันอยู่ทุกวี่ทุกวันนั้นแทบจะเรียกได้ว่า
ไม่มีโอกาสจะได้แห้งสนิทกับเค้าบ้างเลยค่ะ จึงเป็นแหล่งให้เชื้อแบคทีเรีย
สามารถเจริญเติบโตได้เป็นอย่างดีนั่นเองค่ะ เมื่อเทียบกับแปรงล้างจานชนิดมี
ด้ามจับ ที่สามารถใช้ด้ามแปรงแขวนผึ่งแห้งบนผนังห้องครัวหลังจากเสร็จสิ้น
การใช้งานได้อย่างสบายๆ ชิวๆ กันไปเลยค่ะ

ในงานวิจัยยังระบุด้วยว่า เจ้าเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า
“ซาลโมเนลล่า” นั้นสามารถกระจายตัวจากฟองน้ำล้างจานมายังมือทั้ง 2 ข้าง
ของผู้คน รวมไปถึงพื้นผิวและภาชนะต่างๆ ที่อยู่ในห้องครัว จนเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ผู้คนเกิดมีอาการเจ็บป่วย จากเชื้อแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในฟองน้ำที่มีความเปียกชื้น และเป็นแหล่งสะสมของเศษอาหารที่ตกค้าง ซึ่งมันคือ อาหารอันโอชะของเชื้อแบคทีเรียนั่นเองค่ะ

ในงานวิจัยชิ้นนี้ ยังได้ให้คำแนะนำไว้ด้วยว่า หากผู้คนยังคงยึดมั่น และคุ้นชินกับ
การใช้ฟองน้ำในการล้างจาน ชาม และภาชนะอื่นๆ ในห้องครัวกันแล้ว ก็ยังมีทางออกอีกทางหนึ่งก็คือ คงต้องมีการเปลี่ยนฟองน้ำกันให้บ่อยขึ้นค่ะ (คุณผู้อ่านล่ะค่ะ จะยังคงยึดมั่น และคุ้นชินกับการใช้ฟองน้ำในการล้างจาน ชาม และภาชนะอื่นๆ ในห้องครัวกันแบบเดิม หรือ จะเปลี่ยนมาใช้แปรงล้างจานชนิด
ที่มีด้ามจับ เพื่อลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย ก็เพื่อการมีสุขอนามัยที่ดี
หรือ เลือกที่จะ ตัดสินใจเปลี่ยนฟองน้ำล้างจานกันให้บ่อยมากขึ้นคะ)

แหล่งที่มา edition.cnn.com